เมื่อพูดถึงการติดตามภาวะเศรษฐกิจและการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) หนึ่งในตัวชี้วัดที่เทรดเดอร์และนักลงทุนควรให้ความสนใจอย่างมากก็คือ Core PCE Price Index ดัชนีนี้เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการประเมินเงินเฟ้อ ซึ่งมีบทบาทโดยตรงต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยและการเคลื่อนไหวของตลาดการเงิน มาดูกันว่า Core PCE คืออะไร และทำไมถึงเป็นตัวชี้วัดที่ทุกคนต้องรู้จัก!
ดัชนี Core PCE Price Index คืออะไร?
Core PCE Price Index (Personal Consumption Expenditures) หรือในภาษาไทยคือ ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลหลัก เป็นดัชนีที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ใช้จ่าย โดยที่ตัดราคาของสองกลุ่มที่มีความผันผวนสูงอย่าง อาหาร และ พลังงาน ออกไป เหตุผลที่ต้องตัดสองกลุ่มนี้ออก เพราะราคาของพวกมันมักจะขึ้นๆ ลงๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะทำให้การวัดอัตราเงินเฟ้อไม่ชัดเจน

ดังนั้น Core PCE จึงช่วยให้ Fed และนักวิเคราะห์สามารถมองเห็นภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าต่างๆ ในระยะยาวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้เข้าใจถึงภาวะเงินเฟ้อจริงๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจ
ทำไม Core PCE ถึงสำคัญ?
เหตุผลที่ Core PCE มีความสำคัญมากก็เพราะมันเป็นตัวชี้วัดที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ใช้ในการประเมินภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจในการปรับ อัตราดอกเบี้ย ของ Fed ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนี่เองที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดการเงินทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร รวมถึงตลาดเงิน
ตัวเลข Core PCE ที่สูงขึ้นบ่งบอกว่าเงินเฟ้อกำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้ Fed ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ในทางกลับกัน หาก Core PCE ต่ำหรือมีแนวโน้มเงินฝืด (Deflation) Fed อาจเลือกที่จะลดดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
Core PCE ส่งผลกับตลาดการเงินอย่างไร?
ค่าการเปลี่ยนแปลงของ Core PCE จะส่งผลต่อทั้ง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และ ราคาทองคำ ได้โดยตรง ซึ่งจะส่งผลยังไรบ้าง มาดูรายละเอียดกัน
1. ผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์ (USD)
- Core PCE เพิ่มขึ้น: หากตัวเลขออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ แสดงว่าเงินเฟ้อกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่อาจทำให้ Fed ตัดสินใจ ขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เพราะนักลงทุนจากทั่วโลกจะมองว่าเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น
- Core PCE ลดลง: หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาด หมายถึงเงินเฟ้อไม่เพิ่มขึ้นหรืออาจจะมีภาวะเงินฝืด ซึ่งอาจทำให้ Fed เลือกที่จะ คงดอกเบี้ย หรือ ลดดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์ก็จะอ่อนค่าลงเนื่องจากการดอกเบี้ยที่ต่ำทำให้นักลงทุนไม่สนใจเก็บเงินดอลลาร์ไว้
2. ผลกระทบต่อราคาทองคำ (Gold)
Core PCE เพิ่มขึ้น: หากตัวเลขนี้สูงขึ้นและดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะเพิ่ม ทองคำมักจะได้รับผลกระทบในทางลบ ราคาทองคำอาจลดลง เพราะนักลงทุนมักจะขายทองคำออกเพื่อไปถือสินทรัพย์อื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น พันธบัตรหรือหุ้น
Core PCE ลดลง: ถ้าตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่คาด ทองคำอาจจะปรับตัวขึ้น เพราะเมื่อดอกเบี้ยถูกคงไว้หรือลดลง นักลงทุนมักจะมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ ทำให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น
ทำไมเทรดเดอร์ต้องให้ความสนใจ Core PCE ?
สำหรับเทรดเดอร์ ไม่ว่าคุณจะเทรดในตลาดฟอเร็กซ์ หุ้น หรือทองคำ การติดตามตัวเลข Core PCE เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันเป็นตัวบอกแนวโน้มของ เงินเฟ้อ และ การตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลาง ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของตลาด
ตัวเลข Core PCE ที่สูงอาจส่งสัญญาณว่าดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้น ในขณะที่ตัวเลขที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าดอลลาร์จะอ่อนค่าและราคาทองคำมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น เทรดเดอร์ที่เข้าใจและติดตามตัวเลขนี้จึงมีโอกาสในการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาดได้มากขึ้น
บทส่งท้าย
Core PCE ถือเป็นดัชนีสำคัญที่ใช้ในการวัดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ และเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ Fed ใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับ อัตราดอกเบี้ย การที่ตัวเลขนี้ส่งผลโดยตรงต่อ ค่าเงินดอลลาร์ และ ราคาทองคำ ทำให้เทรดเดอร์และนักลงทุนควรติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มของตลาดการเงินและตัดสินใจการลงทุนให้ดี
ตลาด Forex มักจะมีความผันผวนสูงในช่วงที่มีข่าว ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อพอร์ตการลงทุนได้หากไม่มีการจัดการเงินทุนที่ดี โบรกเกอร์ XM เป็นทางเลือกที่น่าเชื่อถือ มีโบนัสและโปรโมชั่นที่คุ้มค่า ช่วยให้การเทรดของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น
การเปิดบัญชีกับ XM ผ่าน Besight ยังมาพร้อมโปรแกรมรีเบตเงินคืนอัตโนมัติทุกครั้งที่เทรด และยังมีโปรแกรมสะสมแต้มเพื่อแลกของรางวัลสุดพิเศษอย่าง iPhone 16 Pro Max 256 GB โดยไม่มีข้อจำกัด