ในโลกการเงินและเศรษฐกิจ คำว่า Unemployment Rate หรือ “อัตราการว่างงาน” เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนต่างต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะอัตราการว่างงานเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงสุขภาพของเศรษฐกิจอย่างชัดเจน หากใครกำลังสนใจหรือศึกษาเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการลงทุน ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับอัตราการว่างงานนี้ให้ชัดเจน
Unemployment Rate คืออะไร?
Unemployment Rate คือสัดส่วนของประชากรที่อยู่ในกำลังแรงงาน (อายุ 16 ปีขึ้นไป) แต่ไม่มีงานทำ และกำลังหางานอย่างจริงจัง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของกำลังแรงงานทั้งหมด ข้อมูลนี้จะไม่นับรวมผู้ที่ไม่ได้หางาน เช่น ผู้เกษียณ นักเรียน หรือผู้ที่ตัดสินใจหยุดหางาน
อัตราการว่างงานจะสะท้อนถึงภาวะของตลาดแรงงาน และเป็นดัชนีที่ช่วยให้นักเศรษฐศาสตร์และรัฐบาลประเมินสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศว่ามีความแข็งแกร่งเพียงใด การเข้าใจข้อมูลนี้จะช่วยให้มองเห็นภาพรวมของเศรษฐกิจในปัจจุบัน และแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ระดับต่างๆ ของอัตราการว่างงาน
อัตราการว่างงานเป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งแสดงถึงเปอร์เซ็นต์ของกำลังแรงงานที่ว่างงานและกำลังหางานอย่างจริงจัง รวมบุคคลทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปที่ได้รับการว่าจ้างหรือกำลังหางานอย่างกระตือรือร้น ไม่รวมถึงผู้ที่ไม่หางานทำ เช่น ผู้เกษียณอายุ นักศึกษา หรือผู้ที่เลิกหางานแล้ว
การแบ่งประเภทของอัตราการว่างงานสามารถทำได้หลายแบบ แต่ส่วนใหญ่เราจะดูที่ระดับเปอร์เซ็นต์ของอัตราการว่างงาน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่มดังนี้
0-3% อัตราการว่างงานต่ำมาก
การมีอัตราการว่างงานในระดับ 0-3% บ่งชี้ว่าประเทศมีตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งมาก ผู้คนส่วนใหญ่มีงานทำ อัตราการว่างงานต่ำมากมักเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
- ผลกระทบ: เมื่ออัตราการว่างงานต่ำมาก ตลาดแรงงานอาจประสบกับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งจะทำให้นายจ้างต้องแข่งกันเพิ่มเงินเดือนหรือสวัสดิการเพื่อดึงดูดคนงาน สิ่งนี้อาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และอาจส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลัง “ร้อนจัด” เกินไป (overheating)
3-5% อัตราการว่างงานต่ำ
ระดับ 3-5% ถือว่าเป็นภาวะที่ใกล้เคียงกับการจ้างงานเต็มรูปแบบ (full employment) ซึ่งหมายถึงเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพ คนที่ต้องการทำงานส่วนใหญ่ก็สามารถหางานได้
- ผลกระทบ: การมีอัตราการว่างงานที่ต่ำแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง มีความสมดุลระหว่างความต้องการและการเสนอในตลาดแรงงาน แต่ก็ยังมีการว่างงานบางส่วนที่เกิดขึ้นตามปกติ เช่น การว่างงานชั่วคราวหรือการเปลี่ยนงาน
5-7% อัตราการว่างงานปานกลางถึงสูง
ระดับนี้บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานเริ่มมีความท้าทายมากขึ้น และอาจเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว คนเริ่มหางานยากขึ้น และความต้องการในการจ้างงานลดลง
- ผลกระทบ: การมีอัตราการว่างงานสูงขึ้นอาจนำไปสู่ความกังวลของผู้บริโภคและการลดการใช้จ่าย ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจหดตัวได้ หากอัตราการว่างงานยังสูงต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณของวิกฤตเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้น
อัตราการว่างงานที่ต่ำมักถูกมองว่าเป็นสัญญาณของเศรษฐกิจที่ดี ในขณะที่อัตราการว่างงานที่สูงบ่งชี้ถึงความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจ แต่อัตราที่ต่ำเกินไปอาจบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีและแรงกดดันเงินเฟ้อได้ด้วย
ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างไร?
ตัวเลขอัตราการว่างงานไม่เพียงแค่สะท้อนภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ยังมีผลกระทบโดยตรงต่อตลาดการเงิน โดยเฉพาะในตลาดค่าเงินและทองคำ มาดูกันว่าผลกระทบจะเป็นอย่างไร
1. ผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD)
- ตัวเลขอัตราการว่างงาน ต่ำ: หากอัตราการว่างงานออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) มักจะแข็งค่าขึ้น เพราะถือเป็นสัญญาณบวกของเศรษฐกิจ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
- ตัวเลขอัตราการว่างงาน สูง: หากอัตราการว่างงานสูงกว่าที่คาดการณ์ ค่าเงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลง เพราะตลาดแรงงานที่อ่อนแอเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังมีปัญหา Fed อาจจะต้องลดดอกเบี้ยหรือใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อฟื้นฟูการจ้างงาน
2. ผลกระทบต่อราคาทองคำ (Gold)
ตัวเลขอัตราการว่างงาน สูง: เมื่ออัตราการว่างงานสูงขึ้น นักลงทุนมักจะมองหา สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe haven) อย่างทองคำ เนื่องจากตลาดหุ้นและค่าเงินอาจมีความเสี่ยงสูงในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ดังนั้นราคาทองคำมักจะปรับตัวสูงขึ้น
ตัวเลขอัตราการว่างงาน ต่ำ: หากอัตราการว่างงานลดลง นักลงทุนอาจย้ายเงินออกจากทองคำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เช่น หุ้นหรือตราสารหนี้ เพราะมองว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ส่งผลให้ความต้องการทองคำลดลงและราคาทองอาจปรับตัวลง
ทำไม อัตราการว่างงาน ถึงสำคัญกับเทรดเดอร์?
สำหรับเทรดเดอร์ การติดตามตัวเลข ตัวเลขอัตราการว่างงาน เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอัตราการว่างงานสามารถบ่งบอกแนวโน้มของตลาดการเงินได้อย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของค่าเงินและราคาทองคำ
- บ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานเป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่ง เมื่อเศรษฐกิจดีและการจ้างงานสูง เทรดเดอร์มักจะมองว่าเป็นสัญญาณบวกสำหรับตลาดการเงิน โดยเฉพาะตลาดหุ้น เพราะคนที่มีงานทำมากขึ้นจะมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ มียอดขายและกำไรมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ราคาหุ้นในตลาดขยับสูงขึ้น
ในทางกลับกัน เมื่ออัตราการว่างงานสูงขึ้น แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับความท้าทาย ธุรกิจอาจลดการจ้างงานหรือปิดกิจการ การลดการใช้จ่ายจากผู้บริโภคย่อมส่งผลต่อยอดขายและกำไรของบริษัท เทรดเดอร์อาจขายหุ้นในช่วงนี้เพื่อลดความเสี่ยง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Unemployment Rate ถึงส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้น
- กระตุ้นหรือชะลอการปรับอัตราดอกเบี้ย อัตราการว่างงานมีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจนโยบายของธนาคารกลาง โดยเฉพาะ Federal Reserve (Fed) ของสหรัฐฯ หากอัตราการว่างงานต่ำเป็นเวลานาน ธนาคารกลางอาจมองว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวเร็วเกินไป และอาจปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
- การปรับอัตราดอกเบี้ยมีผลกระทบอย่างมากต่อตลาดการเงิน
- หาก Fed ขึ้นดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมักจะแข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนจากต่างประเทศจะต้องการเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เช่น พันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ
- เมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมของบริษัทก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้น ทำให้ราคาหุ้นอาจลดลง
- การปรับอัตราดอกเบี้ยมีผลกระทบอย่างมากต่อตลาดการเงิน
สำหรับเทรดเดอร์ การคาดการณ์ทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก หาก Unemployment Rate ชี้ว่าธนาคารกลางอาจปรับขึ้นดอกเบี้ย เทรดเดอร์อาจเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน เช่น การซื้อดอลลาร์สหรัฐและขายสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ทองคำและหุ้น เป็นต้น
- ปรับกลยุทธ์การเทรด ตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงสามารถเป็นสัญญาณให้เทรดเดอร์ปรับกลยุทธ์การลงทุนได้ทันที เช่น หากตัวเลขการว่างงานสูงกว่าคาด เทรดเดอร์อาจปรับพอร์ตให้เน้นสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น หรือลดการถือครองหุ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
ในทางกลับกัน หากตัวเลขการว่างงานต่ำกว่าคาด เทรดเดอร์อาจเลือกลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เช่น หุ้นหรือดอลลาร์สหรัฐ ที่มักจะได้รับประโยชน์จากการปรับดอกเบี้ยขึ้น
บทส่งท้าย
อัตราการว่างงาน เป็นตัวบ่งชี้สำคัญของสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยแสดงถึงจำนวนคนที่ไม่มีงานทำและกำลังหางาน ข้อมูลนี้ส่งผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลาง การเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ และราคาทองคำ นักเทรดควรติดตามข้อมูลนี้อย่างใกล้ชิด เพราะสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการคาดการณ์แนวโน้มตลาด และวางกลยุทธ์การเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในช่วงที่ตลาด Forex มีการแถลงข่าว ราคามักจะมีความผันผวนสูง ซึ่งหากไม่มีการควบคุมเงินทุนอย่างเหมาะสม อาจทำให้พอร์ตของเราเสียหาย โบรกเกอร์ XM เป็นทางเลือกที่ดี มีโบนัสและโปรโมชั่นที่คุ้มค่า ช่วยรักษาเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การ เปิดบัญชี XM ผ่าน Besight ยังมาพร้อมกับโปรแกรมรีเบตเงินคืนอัตโนมัติทุกครั้งที่เทรด และโปรแกรมสะสมแต้ม Loyalty ที่สามารถแลกรับของรางวัลฟรี เช่น iPhone 16 Pro Max 256 GB แลกได้ไม่จำกัด