ISM Services PMI คืออะไร? มีความสำคัญยังไง?

ISM-Services-PMI

เฟด (Federal Reserve) หรือธนาคารกลางสหรัฐ เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายการเงินและดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศ หนึ่งในข่าวที่หลายคนให้ความสนใจเพื่อวัดแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ คือ ISM Services PMI แล้วมันคืออะไร? ตัวย่อมาจากอะไร? ทำไมมันถึงสำคัญ? และมันเกี่ยวข้องกับตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินอย่างไร? ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกัน

ตัวเลขดัชนี ISM Services PMI คืออะไร?

ISM Services PMI หรือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ เป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่ใช้ในการประเมินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคบริการในสหรัฐอเมริกา ดัชนีนี้ถูกจัดทำขึ้นโดยสถาบันจัดการอุปทาน (Institute for Supply Management – ISM) และสะท้อนถึงการเติบโตหรือหดตัวของธุรกิจในภาคบริการ ซึ่งครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การเงิน การค้าปลีก การดูแลสุขภาพ การศึกษา และการบริการอื่นๆ

ISM-Services-PMI_

ดัชนีนี้จะให้คะแนนจากการสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อประเมินความเคลื่อนไหวทางธุรกิจในภาคบริการ ค่าดัชนีที่สูงกว่า 50 หมายความว่า ภาคบริการกำลังขยายตัว ในขณะที่ค่าต่ำกว่า 50 แสดงถึงการหดตัว การดูตัวเลข ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ จะช่วยให้เทรดเดอร์และนักลงทุนสามารถเข้าใจภาพรวมของภาคบริการ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ มีความสำคัญอย่างไร?

  • เป็นตัวบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ
    เทรดเดอร์สามารถใช้ตัวเลขนี้เพื่อประเมินว่าภาคบริการ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70% ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังอยู่ในสถานะไหน การที่ดัชนีสูงขึ้นหรืออยู่เหนือระดับ 50 มักจะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง ในขณะที่ดัชนีที่ลดลงหรืออยู่ต่ำกว่า 50 อาจสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

  • ช่วยในการคาดการณ์นโยบายการเงินของ Fed
    เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะใช้เป็นหนึ่งในข้อมูลในการคาดการณ์ทิศทางของนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) เพราะหากตัวเลข PMI สูงมากๆ อาจหมายถึงเศรษฐกิจเติบโตมากเกินไป ซึ่งอาจกระตุ้นให้ Fed พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ในทางกลับกัน หาก PMI ต่ำ อาจเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจต้องการการกระตุ้น ซึ่ง Fed อาจเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ย

  • ผลกระทบต่อตลาดหุ้น
    ตลาดหุ้นมักจะตอบสนองต่อข้อมูลเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว หากตัวเลขออกมาดี แสดงว่าเศรษฐกิจโดยรวมแข็งแกร่ง ซึ่งนักลงทุนอาจมีความมั่นใจและเลือกที่จะลงทุนในหุ้นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หาก PMI ออกมาต่ำกว่าที่คาด ตลาดหุ้นอาจปรับตัวลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ

ทำไมเทรดเดอร์ต้องให้ความสนใจ ISM Services PMI ?

เทรดเดอร์ที่สนใจทั้งตลาดหุ้น ตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงิน และทองคำ ควรติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ อย่างใกล้ชิด เพราะข้อมูลนี้ไม่เพียงแค่บอกสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังช่วยในการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตอีกด้วย การเข้าใจทิศทางของเศรษฐกิจจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจได้ว่า ควรจะปรับพอร์ตการลงทุนไปในทิศทางไหน หรือควรจะเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาด

เลขดัชนีจะนับได้ตั้งแต่ 0 จนถึง 100 ลำดับตัวเลขเหล่านี้เป็นตัวบอกการเติบโตเศรษฐกิจ หากเลขดัชนีอยู่สูงกว่า 50 นั่นหมายความว่าเศรฐกิจเติบโตหรือขยายตัวมากขึ้น และเลขดัชนีต่ำกว่า 50 มันจะบ่งบอกถึงการหดตัวของเศษฐกิจ แต่หากเลขอยู่ที่ 50 นั่นหมายความว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันตัวเลขของดัชนีอยู่ที่ 52.6 นั่นหมายความว่ามันเติบโตขึ้น เท่านี้เทรดเดอร์ก็น่าจะทราบแล้วว่าตัวเลขเศรษฐกิจมันบอกอะไร แต่ยังไงก็ตามเทรดเดอร์ก็ต้องติดตามข่าวนี้ในทุกๆ เดือนเมื่อมีการประกาศเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ

ผลกระทบกับค่าเงินดอลลาร์และทองคำ

เมื่อเราพูดถึงดัชนีการจัดการซื้อในภาคบริการ มันเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญมากในการบอกเราว่าภาคบริการในสหรัฐฯ กำลังเติบโตหรือหดตัว ถ้าตัวเลข PMI ออกมาสูงกว่า 50 นั่นแสดงให้เห็นว่าภาคบริการกำลังเติบโต ซึ่งมักจะถูกมองว่าเป็นสัญญาณดีสำหรับเศรษฐกิจ

ถ้าตัวเลข PMI สูงขึ้น

เมื่อข้อมูลออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ นักเทรดและนักลงทุนมักจะมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง และอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ต้องพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต เพื่อควบคุมการเติบโตที่รวดเร็วและเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้น

  • ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า เมื่อ Fed มีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ย นักลงทุนมักจะมองหาโอกาสในการลงทุนในดอลลาร์มากขึ้น เพราะการมีอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นหมายถึงผลตอบแทนที่มากขึ้นจากการถือครองเงินดอลลาร์ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ
  • ทองคำถูกมองข้าม เมื่อเศรษฐกิจดูสดใส นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น หุ้นหรือพันธบัตร ซึ่งทองคำมักจะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่เมื่อเศรษฐกิจดี นักลงทุนจะมองหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการลงทุนในหุ้น ทำให้ความต้องการทองคำลดลง ส่งผลให้ราคาทองคำมีแนวโน้มลดลง นักลงทุนมั่นใจในเศรษฐกิจ

ถ้าตัวเลข PMI ต่ำลง

ในทางกลับกัน ถ้า PMI ออกมาต่ำกว่าที่คาดหมาย อาจแสดงให้เห็นว่าภาคบริการกำลังเผชิญปัญหาหรือการเติบโตที่ชะลอตัว สถานการณ์นี้จะทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ

  • ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า หาก Fed มองว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มไม่ดี พวกเขาอาจจะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ นักลงทุนมักจะไม่อยากถือเงินดอลลาร์มากนักเพราะผลตอบแทนที่ต่ำกว่าจะดึงดูดความสนใจได้ลดลง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น
  • ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เมื่อนักลงทุนรู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจ พวกเขามักจะหันมาหาทองคำเพราะถือว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับทองคำ ราคาทองคำมักจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน

บทส่งท้าย

สุดท้ายแล้วต่อให้เลขดัชนีจะบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจของหสรัฐอเมริการแต่ก็สามารถส่งผลกระทบต่อวงกว้างได้ทั้งผู้บริหาร ซัพพลายเออร์ นักลงทุน รวมไปถึงเทรดเดอร์อย่างเราที่ล้วนต่างก็คาดการณ์กราฟเพื่อเพิ่มมูลค่าการลงทุนให้เป็นกำไลผ่านตัวเลขดัชนี โดยรวมแล้ว ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ เป็นตัวบ่งชี้ที่นักลงทุนให้ความสำคัญมาก หากมีความเบี่ยงเบนจากที่คาดการณ์ อาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราได้

ในตลาด Forex ช่วงเวลาที่มีข่าว ราคามักจะผันผวนอย่างมาก ซึ่งหากเทรดเดอร์ไม่สามารถควบคุมเงินทุนได้ดีพอ อาจทำให้พอร์ตการลงทุนเสียหาย โบรกเกอร์ XM เป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากมีโบนัสและโปรโมชั่นที่คุ้มค่า ช่วยให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ หากเรา เปิดบัญชี XM กับ Besight คุณจะได้รับโปรแกรมรีเบตเงินคืนอัตโนมัติทุกการเทรด และยังสามารถสะสมแต้มเพื่อแลกของรางวัลได้อย่างไม่จำกัด

Picture of [ADMIN] Sunny
[ADMIN] Sunny

เขียนและเรียบเรียงบทความโดย